มี 5G แล้วชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไร? นับถอยหลังรอการเปิดตัว HUAWEI P40 Series ในไทย
เมื่อไม่นานนี้ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป เปิดตัว HUAWEI P40 Series สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ล่าสุดทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ HUAWEI P40 Pro+, HUAWEI P40 Pro และ HUAWEI P40 5G ในเวทีระดับโลก โดยทั้งสามรุ่นใช้ชิปเซ็ต Kirin 990 5G ที่สามารถในการรองรับคลื่นสัญญาณ 5G ได้ครบถ้วนทุกย่านความถี่ นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่จะต้องมีความสามารถในการรองรับ 5G แล้ว 5G มีความสำคัญอย่างไร หลายคนอาจจะทราบคร่าวๆ ว่า 5G คืออินเตอร์เน็ตที่ความเร็วสูงและมีประสิทธิภาพดีกว่า 4G แต่ที่จะสร้างความแตกต่างให้แก่ผู้ใช้คือ ความสามารถในการเพิ่มขีดจำกัดให้แก่การเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงอื่นๆ ด้วยความเร็วและแรงของอินเตอร์เน็ต โดย 5G จะช่วยให้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ แบบออนไลน์ หรือ Internet of Things เป็นได้อย่างเป็นรูปธรรม ถ้ายังนึกภาพไม่ออกว่าชีวิตประจำวันของเราจะสะดวกสบายขึ้นได้มากแค่ไหน ลองมาจินตนาการสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากชีวิตทุกวันนี้เมื่อมี 5G เข้ามาในชีวิตกัน
สนุกไปกับอีกขั้นของความบันเทิง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้รับความสะดวกสบายในการรับชมวีดีโอออนดีมานด์ และเล่นเกมออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างสนุกสนาน และราบรื่นด้วย 4G ที่ช่วยให้สามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตามในจุดอับสัญญาณ หรือที่ที่มีการใช้บริการเครือข่ายมากเป็นพิเศษ อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการดาวน์โหลด หรือความขัดข้อง ทำให้สนุกกับสื่อต่างๆ ได้ไม่เต็มอิ่ม สำหรับ 5G ที่มีความเร็วกว่าถึง 20 เท่าจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดวีดีโอขนาด 4K ลงในสมาร์ทดีไวซ์ได้เพียงไม่กี่วินาที ด้วยความสามารถการประมวลผลถึง 20 Gbps ไม่เพียงเท่านั้น การตอบสนองได้เร็วกว่าเพียงแค่ 1 Ms ยังทำให้คอเกมออนไลน์มีประสบการณ์การเล่นเกมที่สะใจมากขึ้นอีกด้วย
การมีอุปกรณ์ที่รองรับความเร็วระดับ 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การใช้ 5G เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ HUAWEI P40 Series 5G เป็นรุ่นแรกที่มีหน้าจอ 90Hz ที่คมชัด ทำให้สามารถแสดงผลวีดีโอคุณภาพคมชัดระดับ 4K ได้ดียิ่งกว่า ทั้งยังสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว รองรับการแสดงผลกราฟฟิคขั้นสูง มอบสุดยอดประสบการณ์เกมออนไลน์ ที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน 4G ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
สะดวกในการทำงานทุกที่ ทุกเวลา ให้การ Work from home หรือ offsite ไร้ปัญหา
อินเทอร์เน็ตความเร็ว 4G ไม่ว่าในสมาร์ทโฟน หรือสมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ รวมถึงระบบการจัดการไฟล์แบบ Cloud ช่วยแก้ปัญหาในการทำงานข้ามสมาร์ทดีไวซ์ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ค เพียงดาวน์โหลดข้อมูลจากบัญชีคลาวด์ ก็ไม่จำเป็นต้องส่งอีเมล์ไฟล์งานไปมาให้ยุ่งยาก แต่ 5G นำพาความสะดวกสบายที่เหนือกว่านั้นมาให้กับผู้ใช้งาน ด้วย Data Traffic ที่รับส่งข้อมูลได้ถึง 50 Exabytes ต่อเดือน และการรองรับการเชื่อมต่อจำนวนมากได้เป็น 10 เท่า ทำให้ดีไวซ์ต่างๆ ทำงานด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น กล่าวคือ ทุกอุปกรณ์การทำงานที่มีอยู่นั้น สามารถใช้งานไฟล์ข้อมูลต่างๆ พร้อมกันได้ทันทีในอึดใจเดียว โดยไม่ต้องเปิดไฟล์ซ้ำซาก
หัวเว่ยได้เปิดตัวฟีเจอร์ HUAWEI Share ไปแล้วในสมาร์ทดีไวซ์รุ่นก่อนๆ แต่สำหรับ HUAWEI P40 Series 5G ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการทำงานแบบไร้รอยต่อ นั่นคือผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อไฟล์งานต่างๆ จากสมาร์ทโฟนขึ้นหน้าจอคอมพิวเตอร์เพียงแค่สัมผัสตัวเครื่องสมาร์ทโฟนกับอุปกรณ์นั้นๆ และทำงานที่ค้างไว้ต่อได้ในโปรแกรมของคอมพิวเตอร์เองทันทีอย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถตอบรับโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลผ่านคอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน
ประสบการณ์การสื่อสารที่เหนือกว่า ในทุกสถานการณ์
เทคโนโลยีการสื่อสารวิธีต่างๆ ช่วยให้มนุษย์เราสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้พรมแดนมากขึ้น จนมาถึงยุคที่ 4G อำนวยความสะดวกในการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยแอปพลิเคชันเดียวที่สามารถสื่อสารได้ทั้งเสียงและภาพเคลื่อนไหว ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสื่อสารทั้งในและระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังประสบปัญหาภาพกระตุก ไม่คมชัด หรือสัญญาณที่ขาดหาย แต่สำหรับ 5G แล้ว คุณสมบัติทั้งศักยภาพการรับ-ส่งข้อมูลที่มากขึ้น ความเสถียรสูง และมีความหน่วงเวลาต่ำ ทำให้สามารถรองรับการถ่ายและแสดงผลภาพแบบ Ultra High Definition (UHD) ได้ ซึ่งส่งผลต่อระบบ Video Call ด้วยเช่นกัน นั่นหมายความว่า สมาร์ทดีไวซ์ที่รองรับ 5G จะสามารถพัฒนาฟีเจอร์การสื่อสารที่ตอบรับภาพแสดงผลแบบ UHD ได้
นอกจากนี้ HUAWEI P40 Series ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่แกะกล่อง ที่มีเฉพาะหัวเว่ยเท่านั้น ได้แก่ MeeTime ฟีเจอร์ video call ของหัวเว่ยเองที่จะมอบประสบการณ์การสื่อสารระดับ Full HD ที่ใช้ประโยชน์จากความไร้ขีดจำกัดของ 5G ในการพบปะสนทนากับคู่สายได้ผ่านภาพเคลื่อนไหวที่คมชัดสวยงามไร้ที่ติ ไม่เป็นปัญหาแม้ในที่แสงสลัว อีกทั้งยังกระตุกน้อยกว่าอีกด้วย
การพัฒนาคุณภาพชีวิตจากเครือข่าย 4G ไปเป็นเครือข่าย 5G อาจฟังดูเหมือนไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากมายนัก เมื่อ 5G ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรก และแนวคิดเกี่ยวกับ Internet of Things (IoT) อาจดูเหมือนเป็นเพียงเป้าหมายในอนาคตที่ค่อยๆ มาถึงทีละน้อย เมื่อรวมเข้ากับสมาร์ทดีไวซ์ที่รองรับเทคโนโลยี 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะพบว่าชีวิตประจำวันที่สะดวกสบายขึ้นหลายเท่าตัวไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่คิด