Role Queue ระบบใหม่ของ Overwatch ที่จะล็อกประเภทฮีโร่ มาบน PTR แล้ว!!
เป็นที่ฮือฮาสำหรับผู้เล่น Overwatch ทั่วโลก เมื่อทางผู้พัฒนาประกาศว่า Rank Season ต่อไปในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ จะมีระบบ Role Queue เข้ามาใช้ทั้งใน Competitive และ Quick Play
Role Queue คือระบบที่จะให้ผู้เล่นเลือก Role ฮีโร่ที่ตัวเองจะเล่นก่อน Find match ซึ่ง Role ก็จะมี 3 Role ตามประเภทฮีโร่ในเกม ได้แก่ Tank , DPS , Support โดยใช้ Comp (แผนการเล่น) แบบ 2-2-2 (2Tank, 2DPS ,2Support) นั่นแปลว่าแมทช์จะค้นหาโดยยึดตาม Role ที่ผู้เล่นเลือก หาก Role ไหนเป็นที่ต้องการในขณะนั้น ก็จะหาแมทช์ได้เร็ว โดยระยะเวลาโดยประมาณที่ใช้ค้นหาห้องของแต่ละ Role ก็จะมีบอกไว้ตั้งแต่ก่อนเลือก Role แล้ว และหากเล่น Role ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด ผู้เลือก Role นี้ จะได้รับ Loot box พิเศษเพื่อตอบแทนด้วย ผู้เล่นสามารถเลือกมากกว่า 1 Role ได้ แต่เกมจะสุ่มให้เองเมื่อหาแมทช์เจอ ว่าสุดท้ายแล้วจะได้เล่น Role ไหน ที่สำคัญคือ “จะเปลี่ยน Role ระหว่างเล่นในแมทช์ไม่ได้”
นอกจากนี้แล้ว MMR (ค่าฝีมือที่ซ่อนอยู่ของผู้เล่นแต่ละคน) ก็มีส่วนในการ Find match ด้วย โดยเกมจะใช้เฉพาะ MMR ของ Role ที่ผู้เล่นเลือกเท่านั้น ในการช่วย Find match เช่น หากผู้เล่นเป็น Main Support ก็จะถูกจับให้ไปเจอกับทีมที่มีผู้เล่น Support ฝีมือพอกัน หรือถ้าผู้เล่นเลือก Role Tank ทั้งๆที่เล่นไม่เก่ง เกมก็จะจัดให้เราได้เจอกับทีมที่มี Tank ฝีมือพอๆกับเรา ค่า MMR นี่ แต่เดิมมีเพียงค่าเดียว ไม่ได้แยก แต่ระบบใหม่นี้จะแยกค่า MMR ตามแต่ละ Role เพื่อใช้ในการ Find match ซึ่งก็อาจจะทำให้เกมแฟร์มากขึ้น
ระบบนี้ส่งผลให้มีการปรับสมดุลฮีโร่บางตัวที่อาจมีความสามารถมากเกินไป ให้อยู่กับร่องกับ Role มากขึ้น ซึ่งตัวที่ดูแล้วโดนปรับแน่ๆ ก็คงหนีไม่พ้น Brigitte แน่นอน โดยจะถูกปรับให้ฮีลได้มากขึ้นให้สมเป็น Support และอึดน้อยลง เพื่อไม่ให้เป็น Tank ตัวที่ 3 ของเกม
ใน Rank จะแยกค่า SR ให้เป็นของแต่ละ Role ไปเลย ก็คือผู้เล่นจะมีค่า SR 3 ค่า จาก 3 Role และในแต่ละ Role จะต้องเล่น placement 5 match และในการจัดอันดับ Top 500 จะมีตารางรวมโดยคิดจาก SR เฉลี่ยของแต่ละ Role การจะขึ้น Top 500 จะต้องเล่นอย่างน้อย 25 แมทช์ ต่อ 1 Role
เพียงแค่เล่น Role ใด Role หนึ่ง ก็จะได้รับของรางวัลท้าย Season เป็น spray หรือ icon player ส่วนแต้มม่วงหรือ Competitive Point ในระบบใหม่นี้ จะแบ่งเป็นของแต่ละ Role โดยมีแนวโน้มที่ผู้เล่นจะได้แต้มม่วงมากกว่าระบบเดิม หากเล่นครบทั้ง 3 Role ได้ระดับ Tier เดียวกัน ดูได้ในตารางเปรียบเทียบ
หากระบบนี้นำมาใช้จริง สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือ GOAT แบบ 3 Tank 3 Support จะหายไป หลังจากที่หาวิธีแก้ GOAT มานาน ทั้งเพิ่มฮีโร่ใหม่ เนิฟตัวนั้น บัฟตัวนี้ แต่ก็ดูจะไม่ค่อยได้ผล ทางผู้พัฒนาเลยหักดิบด้วยวิธีนี้ไปเลย แต่ความหลากหลายของ Comp ก็จะน้อยลง พร้อมๆกับการปรับเปลี่ยน Comp ตามสถานการณ์ก็จะทำได้ยากขึ้น ซึ่งระบบ Role Queue ก็จะส่งผลต่อ Overwatch League และการแข่งขันอื่นๆ หลังจากนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นหลายคนได้ให้ความเห็นว่า ไม่ควรนำระบบ Role Queue นี้มาใช้กับ Quick Play ที่ผู้เล่นต้องการความอิสระในการเล่น แต่ก็คงต้องรอดูกันตอนเข้าเซิร์ฟจริงว่า ระบบนี้จะเวิร์คหรือไม่
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ >> playoverwatch.com
Overwatch