[Review] Gran Turismo 7 เกมที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่หลงรักในรถยนต์ จัดเต็มประสบการณ์การขับขี่อย่างแท้จริง
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบในการเล่นเกมบนเครื่อง PlayStation เชื่อได้เลยว่าคุณต้องเคยได้ยินชื่อ Gran Turismo ผ่านหูสักครั้งเป็นแน่ เพราะ Gran Turismo นั้นคือแฟรนไชส์เกมแข่งรถเสมือนจริงที่อยู่คู่กับเครื่อง PlayStation มายาวนานถึง 25 ปี และมียอดขายถล่มทลายจนสามารถยกให้เป็นหนึ่งในซีรีส์เกมแข่งรถในตำนาน ด้วยความที่ตัวเกมมาพร้อมกับระบบการขับขี่ที่เต็มไปด้วยความเสมือนจริง เนื้อหาและคอนเทนต์ที่มีความจริงจัง แถมควบรวมทุกศาสตร์ของเครื่องยนต์มาปรับใช้ในเกม จัดเต็มพร้อมเอาใจผู้ชื่นชอบในรถยนต์ให้ฟินกันแบบหยุดไม่อยู่ และครั้งนี้เองก็ถึงเวลาของ Gran Turismo 7 ภาคล่าสุดของซีรีส์ที่พร้อมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เอาใจแฟนเกมที่รอคอยภาคต่อกันมาอย่างยาวนาน และวันนี้เองพวกเรา Beyond Godlike จะมารีวิวให้ทุกคนได้รู้กันว่าเกมนี้นั้นมีความน่าเล่นและสนุกมากแค่ไหน ผ่านประสบการณ์ของทีมงานที่ได้สัมผัสตัวเกมบนแพลตฟอร์ม PS5 แล้วไปรับชมกันได้เลย!!
Gran Turismo 7 เป็นเกมแข่งรถที่มีเอกลักษณ์และมีลายเซ็นของตนเองอย่างชัดเจนด้วยการที่ตัวเกมนั้นออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบในการแข่งขันและหลงรักในรถยนต์รุ่นต่างๆ โดยในเกมจะมีรูปแบบของการเล่นที่เน้นความจริงจัง ซึ่งในภาค Gran Turismo 7 นั้นตัวเกมจะไม่ได้มาพร้อมกับโหมดเนื้อเรื่องแต่จะมีการแทนที่ด้วยโหมดการแข่งขันหลากหลายรูปแบบ และการรับภารกิจต่างๆ โดยผู้เล่นนั้นจะมีระบบเลเวลที่เรียกว่า “เลเวลนักสะสม” โดยเป็นเลเวลที่จะขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เล่นได้ทำการครอบครองรถรุ่นต่างๆ เพิ่มมากขึ้น หรือหากจะให้อธิบายเข้าใจง่ายๆ เลยเป้าหมายหลักของเกมนั้นก็คือ ผู้เล่นจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อหาเงินเครดิตและทำภารกิจต่างๆ เพื่อมีเป้าหมายในการรวบรวมรถยนต์มาไว้ในครอบครองนั่นเอง
โดยในโหมดหลักที่ผู้เล่นทุกคนจะได้พบเจอในเกมนั่นก็คือโหมด “Gran Turismo Cafe” ซึ่งเป็นโหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ โดยสถานที่แห่งนี้เป็นเสมือนคาเฟ่ของเหล่าคนรักรถที่จะมารวมตัวกัน ซึ่งเมื่อเราเข้ามาเรานั้นจะได้รับภารกิจซึ่งจะมีทั้งการ รวบรวมรถยนต์รุ่นที่กำหนด ผ่านการแข่งขันในสนามแข่งต่างๆ โดยจะต้องแข่งขันให้ได้ตั้งแต่อันดับที่ 3 ขึ้นไปถึงจะได้ครอบครองรถรุ่นต่างๆ เป็นรางวัล อีกทั้งยังมีการมอบภารกิจให้ผู้เล่นลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์การแข่งขันใหญ่ อีเวนต์การแข่งจากหลากหลายประเทศ รวมถึงภารกิจที่ให้ผู้เล่นได้ลองเลือกใช้โหมดต่างๆ ที่มีอยู่ในเกม ซึ่งเอาจริงๆ โหมดนี้ก็เปรียบเสมือนโหมดหลักที่ทุกคนต้องทำเพื่อปลดล็อคสิ่งต่างๆ ต่อไปนั่นเอง
โดยสิ่งที่ผู้เขียนชอบมากในโหมดนี้นั่นก็คือ หลังจากที่เราสามารถทำภารกิจต่างๆ ใน Gran Turismo Cafe ได้สำเร็จแล้ว นอกจากของรางวัลอย่างรถยนต์รุ่นใหม่ๆ การปลดล็อคสนามแข่งใหม่ รวมถึงตั๋วรูเลตต์สำหรับลุ้นของรางวัลแล้วนั้น เราจะได้รับรู้เรื่องราว รวมถึงประวัติศาสตร์ของรถคอลเลคชั่นต่างๆ ซึ่งมันมีความน่าสนใจ และไม่เคยมีเกมแข่งรถเกมใดให้ความสำคัญกับข้อมูลพวกนี้
ซึ่งนอกจากการสอดแทรกเนื้อหาในภารกิจแล้ว Gran Turismo 7 ยังมีการเพิ่มโหมดที่ให้เราสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลและประวัติศาสตร์ต่างๆ ของรถยนต์รวมถึงแบรนด์อะไหล่ดังจากทั่วโลกได้โดยละเอียด บอกได้เลยว่า แฟนๆที่ชื่นชอบรถยนต์นั้นจะต้องหลงรักและชื่นชอบในส่วนนี้เป็นอย่างมากเหมือนกับผู้เขียนอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าจะมารีวิวเกมแข่งรถหากไม่พูดถึงการแข่งขันเลยคงจะเป็นอะไรที่ผิดนัก เพราะในเกม Gran Turismo 7 นั้นยังคงมีรูปแบบการแข่งขันที่มีความหลากหลายด้วยสนามแข่งรถที่มีมากถึง 91 สนามจากทั้งหมด 34 แห่งจากทั่วโลก โดยสนามแข่งรถแต่ละที่จะแตกต่างกันไปทั้งสภาพถนน สภาพแวดล้อม และบรรยากาศต่างๆ ซึ่งต้องชื่นชมเลยว่าทางทีมผู้พัฒนานั้นออกแบบได้เป็นอย่างดี และด้วยเทคโนโลยีระดับ Next-Gen ยิ่งช่วยทำให้เกมนั้นมีความสมจริงเสมือนกับเราได้เข้าไปขับรถแข่งจริงๆ เลยทีเดียว
สำหรับการแข่งรถในเกมนั้นจะมีทั้งโหมด Race แข่งขันคว้าชัยชนะอันดับ 3 ขึ้นไป, การแข่งแบบทัวร์นาเมนต์ เน้นสะสมแต้มจากการแข่งขันจบแต่ละครั้ง, การแข่งขันแบบ Endurance, การแข่งบนพื้นดินแบบ Rally, การแข่งเน้นดริฟต์ และ Music Rally ซึ่งในแต่ละการแข่งขันจะมีการกำหนดเงื่อนไขอาทิเช่น ในบางอีเวนต์จะมีข้อบังคับในการใช้รถรุ่นที่กำหนด หรือรถประเภทที่กำหนดเท่านั้น หรือบางอีเวนต์จะมีการกำหนดห้ามใช้รถเกินค่า Perfomance Point ที่กำหนดซึ่งผู้เล่นนั้นจะต้องเลือกปรับใช้ และแน่นอนว่าต้องทำความคุ้นเคยกับรถหลากหลายประเภทให้ได้นั่นเอง นอกจากนี้บางอีเวนต์ใหญ่ยังมีการกำหนดให้ผู้เข้าแข่งขันต้องมีใบสอบอนุญาตการแข่งรถยนต์ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโหมดลายเซ็นของ Gran Turismo ที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันดี
การสอบใบอนุญาตถือว่าเป็นโหมดที่แฟนเกมหลายๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีโดยจะมีการสอบตั้งแต่ใบอนุญาตในประเทศระดับ B จนถึงใบอนุญาตระดับซูเปอร์ โดยในแต่ละระดับจะมีการท้าทาย 10 ภารกิจให้ผู้เล่นได้ทำโดยจะมีระบบถ้วยรางวัลตั้งแต่ระดับทองแดง เงิน และทอง ซึ่งผู้เล่นนั้นจำเป็นที่จะต้องสอบในใบอนุญาตระดับต่างๆ ให้สำเร็จเพื่อที่จะสามารถเข้าแข่งขันในรายการใหญ่ที่มีอยู่ในเกมได้ ซึ่งแน่นอนว่าระดับความหัวร้อนของโหมดนี้ก็ยังคงมีอยู่แบบเต็มเปี่ยม ซึ่งผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยเล่นเกมในซีรีส์นี้มาก่อนอาจจะต้องทำความคุ้นเคยกับระบบนี้ให้ได้ คิดซะว่าเป็นการฝึกตนเองให้สามารถเล่นเกมนี้ได้ดียิ่งขึ้นจะดีที่สุด
ในส่วนของประสบการณ์การขับขี่ในเกม Gran Turismo 7 นั้นต้องเรียกได้ว่ามีความใกล้เคียงเสมือนกับการขับรถจริงๆ ดั่งสโลแกน “The Real Driving Simulator” โดยเฉพาะในการควบคุมรถ จังหวะการเลี้ยว และระบบฟิสิกส์ต่างๆ นั้นในภาคนี้ถือว่าจำลองได้ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้มีความยากจนเกินไปเพราะตัวเกมยังมาพร้อมกับระบบตัวช่วยหลายอย่างทั้งระบบช่วยเบรก ระบบ Race Line ช่วยบอกเส้นทาง และระบบการปรับความยากของ AI ที่เอาจริงๆ สำหรับ Gran Turismo นั้นในส่วนของ AI คู่แข่งก็ไม่ได้มีความโหดร้าย หรือว่ามีความดุดันมากจนขนาดที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกกดดัน เพราะนักแข่ง AI นั้นมีพฤติกรรมที่จะทำตามกฎกติกาของการแข่งขัน รวมถึงยังมีการรักษาน้ำใจนักกีฬาที่จะไม่ขับชนรถของคนอื่นโดยไม่จำเป็น เรียกได้ว่ามีความบาลานซ์กำลังดี และทำให้ผู้เล่นเล่นได้อย่างสนุกสนานตลอดเกม แต่ทั้งนี้สำหรับผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงอาจจะมองว่า AI มีความท้าทายน้อยเกินไปก็เป็นได้เช่นกันครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมขณะเล่น Gran Turismo 7 บนเครื่อง PS5 นั่นก็คือ จอย DualSense ที่มีส่วนสำคัญที่ช่วยในการเสริมประสบการณ์การขับรถได้เป็นอย่างดี เพราะทางผู้พัฒนาได้ออกแบบการเล่นควบคู่ไปกับระบบ Haptic Feedback และ Adaptive Trigger โดยในการเหยียบคันเร่ง หรือเบรกรถเพื่อเข้าโค้ง ปุ่มต่างๆ นั้นจะมีการสั่น รวมถึงมีแรงตึงที่นิ้วมือ ให้เราได้รับรู้ระหว่างการขับขี่ รวมถึงสภาพพื้นผิวถนนหรือช่วงการเลี้ยวในบางจุดจะมีการสั่นที่แตกต่างกันออกไปทำให้เรารับรู้ถึงความแตกต่างของพื้นผิวได้ ถือว่าเป็นการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ใน Gran Turismo 7 ยังมาพร้อมกับรถยนต์ที่มีมากถึง 400 คัน ซึ่งแม้ว่าจะเป็นที่น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่เคยปรากฏมาก่อนแล้วในเกมภาคก่อนๆ แต่ก็ถือว่ามีหลายรุ่นที่เป็นที่นิยมและเชื่อได้เลยว่าแฟนๆ ที่ชื่นชอบในรถยนต์ต้องรู้จัก โดยมีทั้งรุ่นดัง รุ่นยอดฮิต รวมถึงรถรุ่นตำนานที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะขับซักครั้งซึ่งในเกมนั้นก็มีให้เราได้เลือกเล่น เลือกสะสมกันไปเลยแบบจุกๆ
โดยในเกมจะมาพร้อมกับโหมด “ดีลเลอร์รถมือสอง” ซึ่งจะเป็นโหมดขายรถใช้แล้ว ราคาไม่แรงที่จะมีมาแบบสุ่มและสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้เล่นได้เลือกจับจ่ายใช้สอยเงินเครดิตเพื่อหารถที่ตนชื่นชอบมาเก็บสะสมไว้ รวมถึงยังมีในส่วนของโหมด “Brand Central” ที่จะเป็นศูนย์จำหน่ายรถยนต์มือหนึ่งที่มีการแยกแบรนด์รถตามภูมิภาคต่างๆ ไว้ซึ่งจะมีราคาที่สูงกว่าแต่แน่นอนว่าผู้เล่นจะได้ของใหม่และสามารถเลือกรุ่นที่ต้องการได้เลย
มีรถแล้วหากไม่ปรับแต่งก็คงจะไม่ใช่เพราะใน Gran Turismo 7 นั้นตัวเกมยังมาพร้อมกับระบบการปรับแต่งรถที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของเกม ซึ่งผู้เล่นนั้นสามารถปรับแต่งและจูนรถกันได้แบบละเอียดยิบ รวมถึงยังมีการขายอะไหล่รถสำหรับการอัปเกรดที่มีให้ผู้เล่นได้เลือกใช้งานได้อย่างหลากหลาย ใครจะเน้นสไตล์การขับแบบใดก็สามารถเลือกใช้กันได้ตามความสะดวก แต่ทั้งนี้สำหรับผู้เล่นที่เป็นมือใหม่ หรือผู้เล่นที่ไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับแต่งหรือจูนรถ ก็สามารถกดเพื่อดูรายละเอียดต่างๆ หรือให้มันปรับแบบ Auto เลยก็ไม่มีปัญหา เพราะสุดท้ายไม่ว่ารถจะยอดเยี่ยมเพียงใดสิ่งสำคัญที่สุดก็คือฝีมือการขับของคนที่อยู่หลังพวงมาลัยนั่นเอง
ภายในเครื่องยอดเยี่ยมแล้วรูปลักษณ์ภายนอกก็ต้องดูดีไม่แพ้กันโดยใน Gran Turismo 7 มาพร้อมกับระบบการปรับแต่งรถยนต์ที่มีให้เลือกปรับทั้งล้อ อะไหล่ สีรถ สติกเกอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย นักแข่งท่านไหนที่เน้นความสวยงาม รถไม่แรงแต่ต้องดูแพงไว้ก่อนบอกเลยโหมดนี้นั้นจะตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน โดยอะไหล่ตกแต่งหลายๆ ชิ้นนั้นก็นำมาจากอะไหล่ที่มีจำหน่ายอยู่ในชีวิตจริง อาจจะบอกได้ว่าใครที่คิดจะแต่งรถของคุณเองในชีวิตจริงแล้วนึกภาพไม่ออกก็ลองมาปรับแต่งกันได้ในตัวเกม นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งตัวละครนักแข่งของคุณได้ทั้งหมวกกันน๊อค ชุด และสีเสื้อต่างๆ ให้สวยงามตามที่ต้องการได้เลย
และสุดท้ายสิ่งที่อยากจะพูดถึงมากไม่น้อยไปกว่าระบบการแข่งขันก็คงจะเป็นในส่วนของโหมดถ่ายภาพ “Scapes” ซึ่งเป็นโหมดที่รวบรวมสถานที่จริงกว่า 2,571 แห่งทั่วโลกและแน่นอนว่าตัวเกมนั้นมีสถานที่ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
โดยในโหมดนี้จะให้ผู้เล่นสามารถนำรถคู่ใจของตนเองมาถ่ายรูป พร้อมแชร์ให้เพื่อนๆ และผู้เล่นอื่นได้เห็น ซึ่งต้องบอกได้เลยว่าในโหมดนี้ตัวเกมได้มีการพัฒนาอย่างจริงจังทั้งในส่วนของการปรับแต่งและฟีเจอร์ต่างๆ ที่หากเป็นแฟนเกมที่ชื่นชอบการถ่ายรูป และหลงรักในรถยนต์ คงสามารถวนอยู่ในโหมดนี้ได้เป็นชั่วโมงๆ อย่างแน่นอน ขนาดผู้เขียนที่มีสกิลในการถ่ายรูปเป็นศูนย์ยังใช้เวลาอยู่ในโหมดนี้ได้แบบฟินๆ พร้อมมีผลงานการถ่ายรูปจากรถคู่บุญอย่าง GT-R R34 มาฝากทุกคนครับ
สุดท้ายสำหรับ Gran Turismo 7 ต้องบอกเลยว่า นี่คือผลงานเกมจากคนที่มีความรักต่อรถยนต์อย่างแท้จริง เพราะทุกๆ รายละเอียดที่เราได้สัมผัสในตัวเกมนั้นจะเห็นได้ว่าผู้พัฒนามีความตั้งใจที่นอกจากจะให้เราได้สนุกกับการแข่งขันเกมขับรถแบบสมจริงแล้วนั้น ตัวเกมยังแฝงไปด้วยประวัติศาสตร์ Car Culture ที่มีมาอย่างยาวนาน และมันช่างมีสเน่ห์และเป็นอะไรที่ไม่มีเกมไหนเหมือนได้ ดังนั้นสำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังตามหาเกมขับรถดีๆ เราอยากให้ Gran Turismo 7 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
ท้ายที่สุดนี้พวกเราขอขอบพระคุณทาง Sony PlayStation อีกครั้งสำหรับโอกาสดีๆ ในการรีวิวเกมในครั้งนี้ และสำหรับใครที่สนใจตัวเกม Gran Turismo 7 ทั้งบน PlayStation 4 และ PlayStation 5 ก็สามารถหาซื้อตัวเกมได้ผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ทั่วประเทศไทย รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ของทาง PS Store เองได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และเราหวังว่าแฟนๆ ของ Gran Turismo ทุกคนจะได้มีความสุขกับการขับรถที่ตนเองชื่นชอบกันนะครับ
#GranTurismo7 #Game #Review #BYG #BeyondGodlike