[Review] Pokémon Legends: Arceus ปฏิวัติรูปแบบใหม่ของโปเกมอน พร้อมเดินทางสู่จุดเริ่มต้นของจักรวาลอันกว้างใหญ่
กลับมาอีกครั้งกับสำหรับภาคต่อของแฟรนไชส์ยอดฮิตตลอดกาลอย่าง Pokémon ที่ในครั้งนี้ได้เปิดตัวในชื่อภาค “Pokémon Legends: Arceus” ซึ่งเป็นครั้งแรกของซีรีส์โปเกมอนที่ได้รับการปฏิวัติรูปแบบใหม่ทั้งในด้านของเกมเพลย์ สภาพแวดล้อม รูปแบบการเล่น รวมถึงในด้านของเนื้อเรื่องที่ในครั้งนี้ผู้เล่นนั้นจะได้เดินทางไปรู้จักกับจุดเริ่มต้นของการเปิดหน้าประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในยุคญี่ปุ่นโบราณอันเต็มไปด้วยเรื่องราวและปริศนาต่างๆ มากมาย
แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่พลิกโฉมรูปแบบของซีรีส์ใหม่ในครั้งนี้ และเหตุผลที่แฟนเกมโปเกมอนนั้นไม่ควรที่จะพลาดตัวเกมในภาคนี้คืออะไร เราไปหาคำตอบกันได้ในรีวิวครั้งนี้
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวสุดยิ่งใหญ่
สิ่งแรกที่ทำให้ Pokémon Legends: Arceus นั้นเป็นหนึ่งในภาคที่แฟนเกมไม่ควรพลาดไปเพราะในภาคนี้นั้นจะนำพาเราไปรู้จักกับยุคแรกของประวัติศาสตร์โปเกมอน โดยเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นที่ Rei (ตัวเอกชาย) หรือ Akari (ตัวเอกหญิง) นั้นได้ถูกเชื้อเชิญโดยตัวตนปริศนา และได้เดินทางมายังจุดเริ่มต้นของโลกในยุคแรก ซึ่ง ณ ที่แห่งนั้นก็คือ “Sinnoh” อาณาจักรอันเป็นที่อาศัยของเหล่าโปเกมอนหลากหลายสายพันธุ์ และเป็นจุดเริ่มต้นของอารยธรรมต่างๆ มากมายที่เราเคยรู้จักกันมา
หากจะบอกว่าเรื่องราวเหมือนกับมังงะแนว Isekai ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะเรานั้นได้เดินทางมายังโลกยุคเก่า โดยล่วงหล่นมาจากฟากฟ้าและได้รับการช่วยเหลือโดย Professor Laventon นักวิจัยโปเกมอนที่เสนอให้ที่พักอาศัยแลกกับการที่ให้เราได้มาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับทีมสำรวจอันมีเป้าหมายสำคัญคือการออกค้นหาและศึกษาเหล่าโปเกม่อนมากมายที่อาศัยอยู่ในดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ และแน่นอนเป้าหมายสำคัญที่สุดของเราในภาคนี้คือการรวบรวมโปเกมอน และเก็บข้อมูลเพื่อสร้าง Pokédex อันแรกขึ้นมาให้สำเร็จให้ได้ อีกทั้งยังต้องออกตามหา “ตัวตนปริศนา” ที่เชื้อเชิญเรามายังโลกแห่งนี้อีกด้วย
สิ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องของเกมในภาคนี้มีความน่าสนใจคือ การที่เรานั้นจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การผจญภัยในภูมิภาค Hisui ยุคแรกที่ผู้คนและโปเกมอนนั้นยังไม่มีความคุ้นเคยกันดีเหมือนอย่างที่เราเคยเจอ และโลกภายนอกนั้นยังคงมีความอันตรายมากสำหรับคนทั่วไป อีกทั้งเรายังจะได้เห็นจุดเริ่มต้นของหลายๆ อย่างอาทิเช่น การจับโปเกมอน การพัฒนาโปเกบอล ไอเทมต่างๆ และรวมถึงยุคแรกของแคลนชื่อดังที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน
ดินแดนที่ไม่เคยพบเจอ..การสำรวจคือจุดสำคัญของเกม
ใน Pokémon Legends: Arceus นั้นจะมีสภาพแวดล้อมที่มีต้นแบบจากช่วงญี่ปุ่นยุคโบราณ ทั้งการแต่งกายของตัวละคร อาคารและหมู่บ้าน เครื่องมือและเครื่องใช้ต่างๆ และแน่นอนว่าจุดเด่นสำคัญของภาคนี้คือการที่เรานั้นจะได้ออกสำรวจโลกของโปเกมอนได้อย่างอิสระในมุมมองเกมเพลย์แบบ Third-Person ที่เราจะสามารถพบเจอโปเกมอนได้แบบตัวเป็นๆ อีกทั้งยังมีขนาดที่ใกล์เคียงตามข้อมูลของแต่ละชนิดจริงๆ อีกทั้งเหล่าโปเกมอนนั้นยังมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันไปทั้งเป็นมิตร ขี้กลัว และดุร้าย พร้อมเข้าโจมตีผู้เล่นทันทีที่พบเห็น ดังนั้นตัวเกมจึงมีการเพิ่มระบบการ Stealth เข้ามาในเกมอีกด้วย
โดยการพบเจอโปเกมอนในภาคนี้ยังมีปัจจัยขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ช่วงเวลา รวมถึงสภาพอากาศที่ทั้งหมดนั้นมีส่วนต่อโอกาสในการพบเจอสายพันธุ์ต่างๆ โดยแน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดในภาคนี้คือการจับโปเกมอนเพื่อรวบรวมข้อมูลในการทำ Pokédex และนี่เป็นเหตุให้ตัวเกมในภาคนี้มีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างจากทุกภาคที่เคยมีมาในซีรีส์นี้ เพราะการจับโปเกมอนนั้นผู้เล่นจะต้องทำการเล็งขว้างโปเกบอลเพื่อทำการจับด้วยตัวเอง อีกทั้งยังต้องโยนโปเกบอลเพื่อเรียกโปเกม่อนของตนเองเพื่อเข้าการต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีการลอบเร้น ใช้เหยื่อชนิดต่างๆ เพื่อล่อโปเกมอน และมีการเสริมเทคนิคการจับที่เรียกว่า “Secret Back Strike Technique” ที่เป็นการปาโปเกบอลเข้ามุมอับสายตา เพื่อเพิ่มโอกาสในการจับโปเกมอนนั้นให้สำเร็จได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้แน่นอนว่าเรานั้นไม่เคยพบเจอกันมาในโปเกมอนภาคไหนเลย และเป็นจุดเด่นที่สำคัญของตัวเกมในภาคนี้เป็นอย่างมาก
ระบบการเล่นคือตัวชูโรงของเกมในภาคนี้
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ด้วยความที่ระบบเกมเพลย์มีความเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ระบบการเล่นในภาคนี้นั้นพัฒนาและมีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยตัวเกม Pokémon Legends: Arceus นั้นจะเน้นให้ผู้เล่นได้พบเจอและต่อสู้กับเหล่าโปเกม่อนป่า มากกว่าการที่จะได้ต่อสู้กับเหล่าเทรนเนอร์ รวมถึงจะเน้นไปที่การจับและรวบรวมข้อมูลของโปเกมอนให้มากที่สุด ดังนั้นตัวเกมจึงมีการออกแบบโลกของเกมให้มีความเป็นกึ่ง Open-World โดยสาเหตุที่บอกว่าเป็นกึ่ง Open-World ก็เพราะตัวเกมนั้นจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 โซนใหญ่ๆ โดยแต่ละโซนนั้นก็จะมีสภาพแวดล้อม และชนิดของโปเกมอนที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ และรูปแบบการเล่นจะมาพร้อมกับระบบ “การรับภารกิจ” ที่มีทั้งภารกิจหลักของเนื้อเรื่อง รวมถึงรีเควสของผู้คนแต่ละพื้นที่ โดยจะมีหมู่บ้านที่ชื่อ “Jubilife Village” เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการรับเควสและพัฒนาไอเทมต่างๆ หากนึกไม่ออกรูปแบบหลักของเกมจะมีความคล้ายคลึงกับเกมในตระกูล Monster Hunter
ผู้เล่นนั้นจะได้เริ่มต้นการเดินทางโดยการร่วมทีมกับ Galaxy Expedition Team หรือทีมสำรวจโปเกมอนโดยจะมีระบบ Rank หรือก็คือยศของหน่วย ซึ่งจะเพิ่มได้จาก Research points ที่ได้จากการจับโปเกมอนและการทำภารกิจจากการสำรวจโปเกมอนต่างๆ เพื่อทำข้อมูลใน Pokédex นั่นเอง
มาพูดถึงในส่วนของระบบเกมเพลย์หลักอย่างที่กล่าวไปข้างต้นตัวเกมนั้นจะให้ความอิสระและความสมจริงมากขึ้นสำหรับการจับโปเกมอนและการเรียกโปเกมอนออกมาต่อสู้ โดยรูปแบบการต่อสู้ยังคงเป็นแบบ Turn-Based ที่ผลัดกันโจมตีแบบที่เราคุ้นเคยกันดี รวมถึงยังคงรูปแบบของระบบการแพ้-ชนะธาตุแบบดั้งเดิม ที่แตกต่างจากเดิมคือจะมีการบอกถึงลำดับการโจมตีของโปเกมอนแต่ละตัวซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถวางแผนการใช้ท่าโจมตีรูปแบบต่างๆ ได้ล่วงหน้า
โดยในระหว่างการต่อสู้ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวละครหลักให้เดินไปที่ตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างอิสระ และยังสามารถออกคำสั่งให้โปเกมอนออกท่าโจมตีแบบพิเศษได้ โดยในภาคนี้มีการออกท่าแบบพิเศษที่เรียกว่า “Strong Style” ซึ่งทำให้ท่าโจมตีนั้นรุนแรงมากขึ้นกว่าปกติ และ “Agile Style” ที่เน้นความคล่องตัวของท่านั้นๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสามารถวางแผนการโจมตีต่างๆ ได้มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม
หากจะบอกว่าภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่มีความแอคชั่นมากที่สุดก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะนอกจากการใช้โปเกมอนในการต่อสู้แล้ว ผู้เล่นเองยังต้องต่อสู้ตัวตนเองอีกด้วย เพราะเราต้องกระโดดหลบ และวิ่งหนีโปเกมอนด้วยตัวเอง โดยตัวเรานั้นสามารถได้รับการโจมตีจากเหล่าโปเกมอนป่าที่ดุร้ายได้ โดยหากได้รับการโจมตีมากจนพลังชีวิตหมดก็จะทำให้เราสลบไปได้เช่นกัน
โดยนอกจากโปเกม่อนป่าทั่วไป ยังมีในส่วนของโปเกมอนพิเศษที่เรียกว่า “Alpha Pokémon” โดยจะเป็นโปเกมอนที่มีขนาดใหญ่พิเศษ มีความดุร้ายมากกว่าปกติและมีนัยน์ตาสีแดง โดยจะเกิดตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ อีกทั้งจะมีในส่วนของโปเกมอนพิเศษที่เรียกว่า “Noble Pokémon” ซึ่งเป็นโปเกมอนระดับบอสสุดคลั่งที่ผู้เล่นจะต้องคอยกระโดดหลบการโจมตีแบบพิเศษต่างๆ และต้องปาไอเท็มพิเศษก่อนเพื่อลดเกจความคลุ้มคลั่งของพวกมันลง ก่อนทำการเข้าต่อสู้ โดยโปเกมอนชนิดพิเศษเหล่านี้จะมีความแข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกมภาคนี้มีความท้าทายมากยิ่งขึ้นกว่าโปเกมอนภาคที่ผ่านๆ มา
กิจกรรมมากมาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทำให้เกมสนุกมากยิ่งขึ้น
นอกจากการสำรวจและจับโปเกมอนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการสำรวจเพื่อตามหาและเก็บรวบรวมไอเทมสำหรับการนำไปสร้างของใช้ต่างๆ ทั้ง Potion และ Pokeball รวมทั้งเก็บผลไม้ พืชพันธุ์ต่างๆ ที่ช่วยให้สามารถนำมาเพื่อทำเป็นเหยื่อล่อโปเกมอนและทำให้สามารถจับได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยในการเก็บรวบรวมนั้นผู้เล่นสามารถใช้โปเกมอนที่มีในการช่วยเก็บได้ด้วย อาทิเช่นในกรณีที่ผู้เล่นไม่สามารถเก็บได้ด้วยตนเองอย่างการเขย่าต้นไม้เพื่อเก็บผลไม้ หรือการขุดแร่ธาตุชนิดต่างๆ
ด้วยความที่ในภาคนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ในการสำรวจ ตัวเกมนั้นจึงได้อำนวยความสะดวกผู้เล่นด้วยระบบ Fast Travel ที่ในบางพื้นที่นั้นสามารถปลดล็อคเพิ่มเติมได้จากการทำภารกิจต่างๆ อีกทั้งยังมีในส่วนของโปเกมอนพิเศษที่สามารถนำมาเป็นพาหนะในการเดินทางทั้งทางบก ทางน้ำ และบินบนท้องฟ้าได้ โดยการเรียกออกมาก็ทำได้ง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเดียว ถือว่าเป็นข้อดีที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเล่นที่ทำออกมาได้อย่างลื่นไหลและทำให้เกมเพลย์มีความสนุกมากยิ่งขึ้น
รายละเอียดปลีกย่อยและกราฟิกนั้นยังทำได้ไม่ดีพอ
หากถามว่า Pokémon Legends: Arceus นั้นเป็นภาคที่ดีไหม นั้นแน่นอนคำตอบคือ “ดีและไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง” แต่หากถามว่ายอดเยี่ยมจนเพอร์เฟคไหม คงตอบได้ว่า “ไม่” เพราะตัวเกมในภาคนี้ยังมีส่วนที่ทำให้ผิดหวังอยู่เช่นกัน เหตุผลเพราะแม้ว่าตัวเกมนั้นจะนำเสนอโลกของโปเกมอนอันกว้างใหญ่ แต่ตัวเกมนั้นกับตกหล่นในส่วนของรายละเอียดสภาพแวดล้อมในหลายๆ ส่วน ทั้งฉากและองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ขาดรายละเอียด และมีการออกแบบที่ดูเรียบง่ายมากเกินไป บางส่วนถึงขั้นมองแล้วสะดุดตาเพราะมีอาการภาพแตก อีกทั้งยังมีการนำมาใช้ซ้ำกันในหลายๆ ที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของหมู่บ้านที่เปรียบเสมือนพื้นที่หลักที่ผู้เล่นต้องพบเจอบ่อยที่สุดนั้น กับขาดชีวิตชีวาและมีการออกแบบรายละเอียดต่างๆ ที่น้อยมาก อีกทั้งในอาคารบ้านเรือนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตึกสำนักงานของ Galaxy Expedition Team ที่มีขนาดใหญ่แต่ภายในกับว่างเปล่าและดูไม่มีอะไร
และสิ่งสำคัญคือ “กราฟิก” ที่ถือว่าทำได้ไม่สมกับเป็นเกมในปี 2022 และหากจะบอกว่าเป็นเพราะตัวเกมรันบนเครื่อง Nintendo Switch จึงทำได้เพียงเท่านี้ก็คงจะเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ เพราะอย่าลืมว่าตัวเกมในภาคก่อนหน้านี้อย่าง Pokémon Sword and Shield ที่ออกจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมานั้น ยังสามารถทำกราฟิก แสงเงา และเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดีกว่า จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเสียดายที่ถึงแม้ตัวเกมจะมีพื้นที่การสำรวจที่กว้างใหญ่ แต่กราฟิกที่ได้กลับมีคุณภาพที่ลดลงนั้นเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าซักเท่าไรนัก
โดยสรุป
Pokémon Legends: Arceus เป็นหนึ่งในภาคที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และมีรูปแบบการเล่นที่เรียกได้ว่า ปฏิวัติรูปแบบใหม่ของซีรีส์โปเกมอนที่เคยมีมาตลอด 25 ปี ทั้งในด้านของเกมเพลย์ สภาพแวดล้อม รูปแบบการเล่น รวมถึงในด้านของเนื้อเรื่อง ตัวเกมนั้นสามารถนำพาผู้เล่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์สามารถสนุกกับตัวเกมโปเกมอนได้มากกว่าภาคก่อนหน้าที่เคยมี อีกทั้งในส่วนของผู้เล่นเก่าที่มีประสบการณ์แล้วนั้นก็สามารถสนุกสนานและเพลิดเพลินกับข้อมูลหลายๆ อย่างที่ตัวเกมได้บอกเล่ามาในภาคนี้
รวมถึงระบบการต่อสู้ที่เน้นไปที่การเจอกับเหล่าโปเกม่อนป่า และการเน้นไปในส่วนของการจับและการรวบรวมข้อมูลของโปเกมอนเพื่อทำ Pokédex นั้นทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับโปเกมอน และรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาของเหล่าโปเกมอนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อได้เลยว่าคงเป็นที่ถูกใจสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบการสำรวจและชื่นชอบแอคชั่นมากอย่างแน่นอน
ทั้งนี้แม้ในเรื่องของกราฟิกอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนผิดหวังและเชื่อว่าแฟนเกมโปเกมอนหลายๆ คนคงคิดเห็นแบบเดียวกัน แต่จุดเด่นหลายๆ อย่างของภาคนี้ก็ยังคงทำให้ Pokémon Legends: Arceus นั้นเป็นภาคที่ดีและควรค่าแก่การเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนเกมโปเกมอนดั้งเดิมนั้นยิ่งไม่ควรที่จะพลาดตัวเกมในครั้งนี้ไปด้วยประการทั้งปวง
คะแนนโดยรวม 7.5 / 10
#PokemonLegendsArceus #Reviews #BYG #BeyondGodlike