เทียบกันชัดๆ จอทีวีหรือจอคอม ใช้จอแบบไหนเล่นเกมแล้วถึงใจกว่ากัน!
ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในปัจจุบัน ประเภทของหน้าจอที่เหมาะกับการเล่นเกมไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่จอมอนิเตอร์เท่านั้น แต่จอทีวี หรือแม้กระทั่งโปรเจคเตอร์ ก็สามารถใช้เล่นเกมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเกมคอนโซล ทำให้เกิดคำถามอยู่บ่อยๆ ว่าใช้จอมอนิเตอร์หรือจอทีวีเล่นเกมแล้วต่างกันอย่างไร และจอแบบไหนดีกว่ากัน วันนี้แอลจีจึงขอมาเทียบให้เห็นกันแบบชัดๆ ว่าจอมอนิเตอร์กับจอทีวีให้ประสบการณ์ในการเล่นเกมแตกต่างกันอย่างไร
ขนาดของหน้าจอ
สิ่งแรกที่ควรพิจารณาเมื่อต้องเปรียบเทียบระหว่างจอทั้งสองประเภทคือขนาดของหน้าจอ ซึ่งจอมอนิเตอร์มักจะมาในขนาดระหว่าง 21 – 32 นิ้ว ในขณะที่จอทีวีมีขนาดหลากหลายให้เลือกมากกว่า ตั้งแต่ 32 นิ้วจนถึง 65 นิ้วขึ้นไป ซึ่งจอทีวีที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเล่นเกมได้สบาย ๆ จากโซฟาหรือบนเตียงนอน และยังสบายตามากกว่า โดยเฉพาะจอแบบ OLED ที่มีแสงสีฟ้าน้อยกว่า แต่สำหรับจอมอนิเตอร์ ผู้ใช้งานมักจะต้องนั่งเล่นเกมบนโต๊ะและต้องอยู่ใกล้หน้าจอตลอดเวลา
เทคโนโลยีภาพ ความคมชัด และสีสัน
มาตรฐานความละเอียดภาพก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญในการเล่นเกม จอมอนิเตอร์ที่แพร่หลายในทุกวันนี้ มีหลายระดับตั้งแต่ 1080p, 1440p ไปจนถึง 4K ส่วนจอทีวีนั้นได้ก้าวจากระดับ 4K ไปถึงระดับ 8K แล้ว ซึ่งสำหรับการเล่นเกม ความละเอียดระดับ 4K นับว่าเป็นความคมชัดที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในการเล่นเกมให้ถึงใจได้อย่างเหมาะสมที่สุด และเกมคอนโซลรุ่นใหม่ล่าสุดจาก PlayStation และ Xbox ก็ได้พัฒนาให้รองรับภาพระดับ 4K มาเป็นมาตรฐานแล้วเช่นกัน
ความแตกต่างในด้านการแสดงภาพที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือเทคโนโลยี HDR ซึ่งช่วยให้ภาพคมชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และได้กลายมาเป็นเทคโนโลยีภาพพื้นฐานของเกมคอนโซลรุ่นใหม่ ทำให้จอทีวีรุ่นใหม่ซึ่งมักจะมาพร้อมเทคโนโลยี HDR10 Pro ได้เปรียบเหนือกว่าจอมอนิเตอร์ โดยเฉพาะเมื่อทำงานควบคู่กับเทคโนโลยีจอภาพแบบ OLED จึงมอบมิติความคมชัดและสีสันที่มีคอนทราสต์ดำสนิทล้ำลึกยิ่งกว่า เพลิดเพลินกับเกมที่มีฉากมืดหรือการเล่นเกมในห้องที่มีแสงสว่างน้อยได้มากกว่าจอมอนิเตอร์ทั่วไปได้อย่างชัดเจน
อัตราการตอบสนองและการแสดงภาพเคลื่อนไหว
สำหรับเกมเมอร์ คงไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการแสดงภาพเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ไหลลื่น ไร้รอยสะดุด ซึ่งที่ผ่านมา จอมอนิเตอร์มีความเหนือกว่าจอทีวีในด้านการแสดงภาพเคลื่อนไหว โดยเฉพาะในเรื่องอัตราการตอบสนองต่ำสุดที่ 1ms ความล่าช้าของอินพุตต่ำ และอัตราการรีเฟรชภาพสูงสุดถึง 240Hz และมักรองรับเทคโนโลยีอย่าง
G-Sync และ FreeSync ที่ช่วยเสริมการตอบสนองให้รวดเร็วทันใจยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ทีวีรุ่นใหม่ในปี 2020 นี้ได้พัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการแสดงภาพเคลื่อนไหวที่แทบจะเทียบเท่ากับจอมอนิเตอร์แล้ว ซึ่งทีวี OLED ซีรี่ส์ CX ขนาด 48 นิ้วจากแอลจี ถือว่ามีความโดดเด่นเหนือกว่าทีวีรุ่นอื่นๆ ในด้านการเล่นเกม โดยมาพร้อมอัตราการตอบสนองต่ำเท่าจอมอนิเตอร์ที่ 1ms ความล่าช้าของอินพุตต่ำ พร้อมรองรับเทคโนโลยี G-Sync และ VRR (Variable Refresh Rate) จึงเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วทันใจ เหมาะกับทั้งเกมคอนโซลและเกมพีซีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเกมแข่งรถ เกมต่อสู้ เกมผจญภัย หรือเกมกีฬา และยังเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ได้การรับรองจาก NVIDIA ว่าเหมาะสำหรับการเล่นเกมที่สุด
ทั้งนี้ ความเหมาะสมของการใช้จอมอนิเตอร์และจอทีวีในการเล่นเกม ยังขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และประเภทเกมที่ชื่นชอบ หากเป็นเกมเมอร์สายพีซีที่ต้องสลับไปมาระหว่างการทำงานและการเล่นเกมโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนอุปกรณ์ หรือมีพื้นที่จำกัด อาจเหมาะกับจอมอนิเตอร์มากกว่า แต่สำหรับเกมเมอร์สายคอนโซลที่ชอบความสะดวกสบาย ให้ความสำคัญกับความคมชัดและสีสันของภาพ และยังชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ก็ควรเลือกจอทีวีสำหรับเล่นเกมอย่าง LG OLED TV ซีรี่ส์ CX ขนาด 48 นิ้ว ราคา 49,990 บาท ที่นอกจากจะเหมาะกับการเล่นเกมแล้วยังโดดเด่นด้วยการมอบประสบการณ์ความบันเทิงอย่างรอบด้าน